<เช้าวันรุ่งขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ ก็ไม่รู้ว่าจะรีบกันทำไม เพื่อนคนหนึ่งแหกขี้ตาเพื่อจะออกจากที่พักตั้งแต่ ตีห้าสิบห้า บอกว่าอยากมีเวลาทำนู้นทำนี่ เห็นได้ชัดว่าอยาก Manage เรื่องต่างๆ แฮ่ะ อาทิตย์หนึ่งอาการก็ออก เออเราเองก็ได้ดูใจตัวเองไปว่าเป็นอย่างไร บอกก็แล้ว ก็ขี้เกียจเถียง ว่าไม่ต้องรีบ เพราะไม่รู้จะรียทำไม?? ก็ตามใจ ถึงโรงอาหารเราเองก็เป็นคนถูกตำหนิเพราะว่าแม่ครัวบอกว่า “ไหนจะออกหกโมง แล้วทำไมรีบมากันจัง” น่านกู แต่ก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว โอเคๆ บอกแม่ครัวว่า “ออกหกโมงจริงครับ ทำทันอยู่แล้ว” ซึ่งก็กว่าจะได้ออกกันจริงจังก็หกโมง สิบนาทีเข้าไปนั่น ไหนจะวกรถไปเติมน้ำมัน ไหนจะ แวะซื้อของนู้นนี้กันอีก ก็ไม่รู้จะรียทำไม หรือว่าเป็นนิสัยของคนชาตินั้นกันแน่หว่า เอ..มันเป็นเพราะอะไร ??
ก่อนจะออกคุณอาของเราเองก็มาเยี่ยมชมโรงเรียน วันนี้เป็นคณะพิเศษเรียกว่าพิเศษจริงๆ เพราะเส้นมาก เออ มาอยู่ไม่เท่าไหร่ก็มีเส้นมีสายแล้วเรา ได้เจอกันแว๊บเดียว ไม่ได้ตั้งใจจะมาเยี่ยมเราหรอกพอดีจะเข้ากรุงเทพอยู่แล้ว ก็เลยถือว่าเป็นทางผ่านเลยแวะมาเอาไห้คุ้มหน่อย เออ ก็เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้ แต่ตัวเองก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันที่ต้องไปขอร้อง กับความตั้งใจที่ดูเหมือนไม่จริงจังอย่างนี้
วันเสาร์ ณ อยุธยา ก็อย่างที่เรียนให้ทราบว่าไม่รู้จะรีบออกจากที่พักกันทำไม ขับรถเรื่อยเปื่อยกว่าจะถึงก็แปดโมงกว่าแล้ว มีฝนพรำๆบ้างประปราย แต่ไม่มากนัก พเย็นๆให้ครึ้มใจระหว่างทาง ถึงวัดพนัญเชิงเป็นสถานที่แรก เข้าไปกราบหลวงพ่อ เพื่อนๆต่างตื่นตาตื่นใจกันพอสมควร ยิ่งสนุกเมื่อได้ลองเสี่ยงเซียมซี เออแปลกดี เห็นแขกเสี่ยงเสียมซีก็ตลกดี เขย่าอยู๋นานไม่เห็นลาวง ก็หันมาทำหัวด๊อกแด๊ก อ่าวแม่คุณเอ๊ย เล่นตั้งฉากขนาดกับพื้นโลกอย่างนั้น จะล่วงลงมาได้อย่างไรกัน?? วัดนี้ก็แปลกเซียมซีไม่มีภาษาอังกฤษก็ต้องเป็นหน้าที่ของผู้ที่พาไปอีกหล่ะครับ พอเดาออกนะครับว่าอย่างไร เป็นกลอน ก็ต้องถอดความกันอีก สนุกพิลึก
จากนั้นลงเรือล่องลำน้ำเจ้าพระยา ไปจุดเชื่อมต่อกับแม่น้ำลพบุรี สนุกดี คนเรือพาไปดูช้าง ตกอกตกใจว่าเห็นช้างทำไมนอนนิ่ง แล้วก็มีรถไถนาขันหนึ่งจอดอยู่อีตอนแรกก็นึกว่าช้างจะตายเตรียมจะฝัง แต่ขวาญก็บอกว่าฝึกเอาไว้ถ่ายหนัง และแล้วตามไสตล์ช้างไทย ก็อนุเคราะห์ลงเล่นน้ำให้คนดู เรี่ยรายกันคนละ ยี่สิบ สามสิบ ให้ช.ช้างไป ไม่รู้ตกถึงช.ช้างหรือเปล่า? ทอมก็สนุกมาก ไม่กลัว เห็นช้างยืน ช้างเล่นน้ำ ยังไม่ครบชุดเพราะว่ายังไม่เห็นช้างอึ...
ล่องเรือมาหารักสักที....จนหรือมีก็ตามแต่... ไม่เกี่ยวอะไร ไปวัดท่าการ้อง เพิ่งสร้างตลาดน้ำใหม่ขึ้นมา เรียกว่าใหม่มาก ไม่มีการพายเรือมาขาย ขนของลงเรือเท่านั้นเรือก็จอดเอาไว้ที่ท่าน้ำวัดนั่นแหละ ซื้อข้าวของกันสนุก อันนี้ดีอย่างราคาพอๆกันไม่มีถูกแพงกว่ากันนัก ป้ายราคาพร้อมสรรพ แต่บรรยากาศจัดฉากมากไปหน่อย ถ้ามีโอกาสไปอยากให้ลองไปเข้าห้องน้ำที่นี่ดูเพราะว่าสะอาดเหลือหลาย สะอาดจริงๆ เรียกได้ว่านอนกลิ้งได้เลยทีเดียวเชียว
ร่องเรือผ่านวัดชัยวัฒนาราม ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นวัง ไม่เคยเห็นวัดชัยวัฒนารามมุมนี้มาก่อน สวยมาก จริงๆ ตกเย็น มองจากอีกฝั่งคงจะยิ่งสวยมากๆ ล่องเรือต่อกลับวัดพนัญเชิง คนเรือที่นี่ดี ให้ลองขับเรือเองได้ เราถึงเรื่องล่องน้ำก็บอกว่าเป็นอย่างไร ก็ได้ความรู้เล็กๆเรื่องการดูร่องน้ำ
เริ่มรู้สึกร้อนและเหนื่อยกันพอตัว เราก็เร่งไปต่อกันที่วัดหน้าพระเมรุ กราบพระประธาน วัดนี้ก็มีประวัติยาวนาน ขอบคุรวิชาประวัติสาสตร์ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ก็พอจะถูไถ กล่าวให้เพื่อนฟังพอไหว มั่วบ้าง จริงเยอะหน่อยก็เรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี เข้าไปกราบกระขาวหลังโบสถ์ ก็ตื่นตากันมากคือการ เสี่ยงทายยกช้าง เราเองก็เริ่มก่อนเลย แล้วทุกคนก็หันมา “ Hey, What’s this?”งงสิครับอธิบายไม่ถูกคน ภาษาดีหน่อยก็รู้เรื่อง คนที่ภาษาไม่ดีก็งง (๕๕๕ไม่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษนะครับ ภาษามือและ ความฉลาดด้านการเดา) จากวัดนี่หลายคนเริ่มบ่นอุบ ว่า”Where are we going?” .”Temple” มากเข้าก็เริ่มเบื่อ บ้างหิว และหงุดหงิด นึกว่าจะหาที่ให้ทานอาหาร ไอ้เราก็เห็นว่ากินกันมาแล้ว ที่ตลาดน้ำ เอ้า! หิวก็หยิบกินได้เลย เราเองก็เรียบร้อยตั้งแต่อยู่ในเรือแล้ว๕๕ ก็แวะร้านโอเลี้ยง ให้นั่งทานข้าวกันหน่อย ก็เป็นสนุกมากเพราะสั่งโอเลี้ยงไม่รู้เรื่อง เราเองก็ไม่ช่วย เพียงแค่บอกว่าภาษาไทยเรียกว่าอะไร ต้องช่วยตัวเองบ้างสิ (จริงๆคือก็เหนื่อยและก็เยื่อแล้วที่ต้องดูแลทุกเรื่อง)
เบื่อกันมากเปลี่ยนแผนไปเที่ยว วัดดอกบัว กัน วัดนี้เค้าดีมีแอร์ ของขายเยอะแยะ บ้างซื้อกล้องถ่ายรูป ช๊อบปิ้งนู้นนี่ตามประสา ให้เวลาชั่วโมงครึ่งกันทีเดียว เราเองก็เมื่อยและง่วงเลยหนีไปนอนให้เค้านวดเท้าให้ สบายไป อ่อวัดที่ว่า คือ วัด tesco Lotus
จากนั้นมุ่งตรงไปวัด ซึ่งเป็นวัดเดียวในประเทศไทยที่เป็นรูปแบบของโบสถ์ สวยงามมาก เป็นคนไทยบางคนยังไม่เคยมาเลย ต้องข้างน้ำไปด้วยเพราะวัดตุ่งอยู่บนเกาะเลยทีเดียว สวยจริงๆ บางทีก็นึกรักศิลปะตะวันตกเข้าจับจิตเหมือนกัน พอดีไปก็เริ่มจะเย็นเห็นหลวงพ่อ หลวงพ่อทำวัตรกันอยู่ก็เป็นโอกาสดี เลยระลึกคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไปด้วยเลย จากนั้นมานั่งเล่นกันที่ท่าน้ำ เพื่อนซึ่งเป็นชาวฮินดูก็สวดสรรเสริญองค์เทพกันบ้าง อืมได้บรรยากาศดีแท้
a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqDne_jCmK2CxAw42BEMkguVUbSApNOyNDD79cjrOMMla4swF-EiYXCOqoqgJhyphenhyphenk1U_yui240b9P7jGiHs-nYX_nAdddlqFWs-cwKl_TEXLkRt2cMMW3PAb4celfjYKMu3CsHiOylcKnM/s1600-h/Photo-0008.jpg">
กลับมาเรื่อยๆ รถอีกคันพาแวะกินพิซซ่าที่ โลตัส ส่วนรถเราคนแก่เยอะเป็นส่วนมากก็เอาว่าจะเดินทางกลับก็เห็นใจคนสาวที่อยากกินพิซซ่าอยู่กลายๆ ก็เริ่มสงสัยว่า ทำไมเค้าไม่เห็นเห็นใจกันบ้างเลยหว่า เด็กๆยังเออออ เวลาห้าๆอยากไปนู้นนี่ ที่จะพาเด็กไปส่งเพื่อให้เด็กมีความสุขเล็กบ้าง ก็ไม่เห็นค่อยจะยอม เออเรื่องนี้ก็นั่งคิดอยู่นานว่าเปน้เพราะอะไรกันแน่? เป็นเพราะเราไม่เข้าใจความเป็นชนชาติของเขา หรือเป็นเพราะตัวเอง ที่ให้ค่าตีความ...เหอะๆๆ
จนแล้วจนรอดก็มาแวะกินขนมกลางทาง ข้าวใครข้าวมัน เออเราเหลือบไปเห็นรถเปิดไฟอยู่เพราะเด็กน้อยนอนแล้ว ต้องมีคนดูแล เสร็จแล้วทุกคนขึ้นรถ ถูกครับสตาทร์ไม่ติด เป็นเรื่องสนุกของทุกคนที่จะช่วยกันเข็น ก็เห็นอีกหล่ะครับว่าใครเป็นอย่างไร แหมจริงเลย บ้างก็กลัวยุงกัดเอาผ้าห่อตัวแล้วนั่งอยู่ในรถไม่ช่วยเข็น บอกอีกแหนะว่าน้ำหนักอีฉันไม่มากเท่าไหร่หรอก ขอนั่งบนรถแล้วกัน บ้างก็ลงมาช่วย โอเค้ บ้างก็อยากให้ตามหาช่าง ให้โทรบอกคนน็นคนนี้มาให้ช่วย เห็นถึงความตื่นกลัวของทุกคน ร่วมทั้งตัวเอง เพราะรู้สึกเล็กว่าเป็นหน้าที่เจ้าบ้านของเราที่จะดูแล อำนวยความสะดวก ทั้งๆที่ไม่ได้มีใครบอกให้ทำ กลับมาดูตัวเองก็เห็นความกลัวเล็กๆ ไม่ได้กลัวลำบากแต่กลัวคนอื่นๆจะลำบากมากกว่า ดูไม่ค่อยสบายกัน เลย แต่พอมีแรงใจจากสายตาทั้งที่ไม่ได้พูดกันก็คลายความกังวลลงไปได้เยอะพอควรเลยทีเดียวกับการเข้าใจสถานการณ์อย่างนี้
จนแล้วจดรอดก็รอกว่าครึ่งชั่วโมง รถอีกคันจึงจามมาเปลี่ยนแบ็ต กันซะก็เดินทางถึงที่หมายแม้ว่าจะไม่สามารถใช้แอร์ได้ก็มีความสุขดี เราเองก็นั่งคุยเป็นเพื่อนพี่คนขับมาเรื่อย ถึงโรงเรียนก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เกี่ยวกับฉัน
- poom
- ในที่แห่งนี้เป็นที่ถ้อยแถลงในหัวใจเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น