วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เชียงดาว สาวหนุ่ม

เดินทางสู่ขนส่งฯแบบกระชั้นชิด หัวใจยังรีบร้อน ความคิดฟุ้งฟุ้ง
รถก็ติดตลอดสาย หมายมุ่ง จะถึงก่อนใกล้ทุ่ม...ไหมหนอ?

ออกจากบ้านมาช้าๆ ไม่รีบร้อนเพราะคิดว่ารถไม่น่ะติด..แต่ที่ไหนได้...ยาวเลยเช่นกัน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผองเพื่อนร่วมเดินทางก็ถึงที่จุดนัดกันแล้ว ใจก็เร่งไปให้โดยไว เพราะลึกๆก็กลัวตกรถ

ถึงแล้ว เวลายังเหลือนิดหน่อยก็ดูงงๆว่าทำไมต้องวุ่นวายใจขนาดนั้น สมาชิกมาเกือบครบ ขาดไปก็เพียงแต่ “หัวหน้าคณะ...” ไม่เป็นไร เดี๋ยวจอดรับกลางทางได้ไม่มีปัญหา นั่งมาบนรถ จิตใจไม่เป็นสุข เพราะหวังว่าจะได้เห็นหน้า “ครูกุ๊ก” สักหน่อยพอให้นอนฝันดี ป่าวดูไม่ได้!

รังสิต..สถานที่นัดหมาย หัวหน้าก็ยังไม่มา... กะว่าคนขับเขาคงไม่รอ เลยต้องไปยืนดัก อาจเป็นเพราะใจ ประวิงไปก่อน หัวหน้ามาแล้ว ออกเดินทาง...

นครสวรรค์ จุดแวะพักกลางทาง บัตรโดยสารสามารถแลกอาหารได้....ค่อยคลายความหิว ที่มาจากความอยากของปากที่ต้องการขยับเล็กน้อย...

ถนนคดเคี้ยวไปมา แกว่งโยนไปตรามหลุมตามบ่อของถนนที่ไม่เรียบนัก ทางขึ้นเขา ลงห้วยอย่างไร ไม่รู้เพราะหลับแบบหัวสั่นหัวคลอน
ตีสี่กว่า ถึงตัวจังหวัดเชียงใหญ่ เห็นผู้คนที่อยู่ที่ขนส่งสวมเสื้อกันหนาว...”เชียงดาว “อาจต้องหนาวกว่านี้แน่! ใจคิด ตีห้ากว่า ถึงเชียงดาวแล้ว หมอกลงหนา อากาศก็เย็นได้ใจจนต้องค้นเอาเสื้อกันหนาวออกมาใส่

ขึ้นรถสองแถวจากจุดที่ลงไปตลาด... ตลาดไม่ใหญ่นัก พวกเรา ๕ คนเลือกนั่งที่ร้านกาแฟ-ไข่ลวก ร้านหนึ่ง ในตลาด วางข้าวของที่เยอะแยะอย่างกับจะมาอยู่สักเดือนไว้ที่นี่ก่อน สั่งเครื่องดื่ม แล้วออกเดิน...หาอะไรมาเป็นเชื้อพลังให้กับร่างกาย

“รู้จัก พี่อ้วน มั๊ย ครับ?” เป็นคำถามยอดฮิต ติดดาวของหัวหน้าคระ และลูกทีม ที่เหมือนกันรอลุ้นคำตอบและ check เรต ไปในคราเดียวกัน ...”อ๋อ พี่อ้วน นิคม” เป็นเสียงตอบจากบรรดาพ่อค้าแม่ขาย ชาวบ้าน ร้านตลาด อ. เชียงดาวเป็นอย่างดี

เจ็ดโมงแล้ว หมอกยังหนาอยู่ เทอร์โมมิเตอร์ในรถ4*4 คันงามของ อ้ายแดง บอกไว้ว่า 15 องศา แน่นอน หกีวิต ยินดีอัดกันอยู่ในตัวรถไม่มีใครออกไปนั่งที่กระบะท้าย

รถแล่นไปไม่ช้านัก แต่ด้วยความระมัดระวังของผู้ขับที่ชำนาญทาง ผ่านหมู่บ้าน ร้านตลาด ตรอกซอย วัด โรงเรียน ข้ามแยก... เราสังเกตเห็นป้ายลางๆ ท่ามกลางสายหมอก “สถานที่กางเต็นท์ค่ายเยาวชนอนุรักษ์ดอยหลวง” ในใจก็ยังคงคิดว่าจะเป็นประการใดกันหนอ

หมอกจางหรือควันไฟ ใครบอกได้วานตอบที
มองเห็นอยู่ในที ฤาจะต้องพิสูจน์กัน
สูดไอแล้วฉ่ำชื่น หรือขมขื่นเมินหน้าหัน
จะเป็นสิ่งใดนั้น คงต้องตอบด้วยตนเอง


ทางเป็นทางขึ้นเขาน้อยๆ ผ่านสวนมะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย รถเลี้ยวซ้ายผ่านหมู่บ้านของชาวเขาเข้ามา หมูตัวสีดำ กับลูกๆที่ถูกเลี้ยงดูอย่างเป็นอิสระ ควายฝูงใหญ่ ลำธาธน้ำใส ไหลเย็น ถนนคอนกรีตสิ้นสุดลงที่หมู่บ้านของชาวเขานั้น ดินลูกรังที่ค่อนข้างเรียบ อาจบ่งบอกอะไรเราบางอย่าง หายใจไม่กี่ครั้งก็ถึงที่หมาย

หมอกยังคงอยู่ อ้ายแดงส่งเราเรียบร้อย ความกระตือรือร้นอยากเที่ยวของพวกเรายังท่วมท้น หัวเริ่มวางแผนว่าจะไปนู้นนี่อยู่ กะว่าเอาให้คุ้ม.. อ้ายแดงบอกกับเราว่า ให้พักให้สบายก่อน สามารถเดินไปแช่น้ำร้อนได้ ไม่ไกลนักจากที่นี่ หมอกเริ่มจางคลาย ยอดดอยหลวงสูงตระหง่านต้องแสงแดดสีทอง ผสานแนวป่าเต็มด้วยแมกไม้นานาพรรณด้านล่าง อาคารห้องประชุม และสนามหญ้า เรียงกันลงมาจากท้องฟ้าสีขาวจนถึงปลายเท้าของเจ้าของสายตา ภาพตรงหน้าชวนให้มองอย่างพิเคราะห์ถึงความกลมกลืนกันไป สายตาก็คงจ้องมองแต่ยอดเขาสูงใหญ่

ดอยหลวงสูงเด่นตั้ง ตระหง่าน
แซมหมอกขาวดุจ เมฆจาง เพื่อนพ้อง
แสงทองส่องสาด ขุนเขา พนาไพร
รับด้วยอาคารหลังใหญ่ เสียงน้ำไหลริน

เก็บเสื้อผ้าเรียบร้อยออกตามรอย ท่านประธานไปยังบ่อน้ำร้อน ด้วยไมตรีของคุณลุงสุวรรณขับรถไปส่งถึงที่ พบท่านประธาน พร้อมด้วย เจ้าบ้านกำลังนอนแช่น้ำอย่างเป็นสุข เปลี่ยนชุดท้าอากาศเสียหน่อยแล้วค่อยๆหย่อนกายลงในบ่อน้ำนั้น.... ลำธารไหลรินเป็นฉากสวยอยู่ตรงหน้า กลิ่นกำมะถันที่ออกมาพร้อมควันลอยคุ้งอยู่อ่อนๆ “อาบน้ำร้อนแล้วต้องแช่น้ำเย็นในลำธาร” ปลายผิวเหมือนถูกเข็มทิ่มทุกรูขุมขน กลับมารับประทานอาหารมังสวิรัตอร่อยๆจากร้านอาหารหรู “ลองพิสูจน์”

ช่วงสายนี้ เจ้าบ้านของเรามีประชุมชาวบ้าน ใจจริงอยากร่วมฟังด้วย แต่ด้วยความอ่อนล้าจากการนั่งรถ พวกเราเลยของีบหลับบนกองผ้าห่มหนาอย่างเป็นสุขแทน

ตื่นขึ้นมาเกือบบ่ายอากศยังเย็นไปนิดสำหรับคนท้ายน้ำอย่างเราๆ รับประทานอาหารแบบเมืองๆ อย่างอร่อย มีผักสดเคียงหลากหลายอย่าง อากาศดี อาหารอร่อยมีประโยชน์ ชีวิตก็เป็นสุขแล้ว

จักรยานคันเก่งของ น้องโอม และน้องออม สองชายตัวกระปุ๊กลุกสายเลือดพี่อ้วนโดยตรง ถูกสองน้าหนู และน้าภูมิหยิบยืมมาปั่นชมรอบๆ ที่พัก ตลอดเส้นทางเป็นทางลงเขาแทบจะไม่ต้องออกแรงปั่น เพียงประคองให้เจ้าสองล้อ ไหลลงมาตามทางเท่านั้น ลมเย็นกระทบหน้า อากาศพิสุทธิ์ไหลเข้าปอดเต็มๆ สองฟากถนนเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ โยกซ้าย ขวา ไปตามทาง ไม่นานก็ถึงตลาด ในใจก็คิดว่า ขากลับคงไม่ปั่นแล้ว จอดรอที่ตลาดดีกว่า

เพื่อนร่วมทีมมากันอีกสองคน เดินทางมาไกล ด้วยรถบัสสีแดง... กระเป๋าใบใหญ่ยังกองอยู่ที่พื้น หนึ่งนั้นกังลิ้มรสไอศกรีมอย่างเอร็ด ด้วยเหตุผลว่า อาจไม่ได้กินอีกหลายวัน... อ้ายแดงมาเช่นเคย โชคดีที่ไม่ต้องขี่จักยานกลับที่พัก

หลังจากที่ทุกคนถึงที่พัก หย่อย ใจเสียนิดหน่อย เราทั้งเจ็ด พร้อมมัคุเทศน้อยทั้งสอง ก็เดินทางไปเที่ยวชมความงามของอ.เชียงดาว หมู่บ้าน ปางแดง ที่รู้สึกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่าที่จะเป็นหมู่บ้านของพี่น้องชาวเขา ได้ผ้าทอมือมาคนละผืนสองผืน เดินทางไปเที่ยวถ้ำเชียงดาว เสียแต่ว่ามาช้าไปหน่อย จึงไม่สามารถเข้าไปชมความงามในถ้ำได้ แล้ววกรถกลับมาที่พัก ร่ำอาหารเอร็ด ก่อไฟพิงให้กายอุ่น วงพูดคุยก็เริ่มต้น...เหนื่อยแล้ว แยกย้ายกันไปนอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับฉัน

ในที่แห่งนี้เป็นที่ถ้อยแถลงในหัวใจเรา