วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รายงานความคืบหน้าของชีวิต ณ สัตยาไส อินเตอเนชั้นแน่ว...

โฮ้วจอร์จ! เป็นเรื่องแล้วครับ กลับตอนแรกคิดว่าจะง่ายๆ ไม่ยุ่งยากนัก กับการเรียนในหลักสูตรของสถาบันการศึกษาสัตยาไส เกี่ยวกับ เรื่องคุณค่าความเป็นมนุษย์ (Human Value) ได้พบได้เจออะไรก็เลยเขียนมาเล่าให้ฟังกันครับ เฮอะๆ

หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะเข้ามาศึกษาความเป็นไปเป็นมา การเปลี่ยนแปลงของนักศึกษาที่เข้ามาเรียนในหลักสูตรนี้เพื่อทำเป็นวิทยานิพนธ์ด้วย แต่แล้ว คำถามที่ไม่ชัดเจนของตัวเองก็ทำให้ หัวข้อไม่ผ่าน แต่ก็ยังตั้งใจที่จะมาเรียนอยู่ดี ติดต่ออาจารย์ดร.อาจอง ไว้เรียบร้อยแล้ว จะไม่มาเรียนก็กะไรอยู่ ปรึกษาปัญหายิ่งใหญ่นี้กับอาจารย์ ท่านก็กรุณาให้คำปรึกษาว่า “ก็รีบทำหัวข้อเลยสิ จะได้ส่งให้อาจารย์ของเราท่านพิจรณา” ซึ่งขั้นตอนต่างๆในระบบของมหิดลก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้มันผ่าน ต้องผ่านู้นผ่านนี่ เยอะแยะไปหมด เราก็ตัดสินใจว่า ก็อยู่เรียนไปทำหัวข้อไป ได้ความรู้ได้หัวข้อเอง เอ้าไหนๆก็ไหนๆแล้ว เสื้อผ้าที่ตอนแรกว่าจะมาอยู่สักแค่อาทิตย์ก็กลายเป็นว่าคงต้องอยู่เป็นเดือน เอาหล่ะสิ ดีว่ายังอยู่ใกล้ๆบ้านคงไม่เป็นไรนัก

มาที่โรงเรียนเมื่อวันเสาร์ (คือเมื่อวาน) ตื่นไม่เช้ามากนักเพราเหนื่อยกับ เมื่อวันศุกร์ที่โนอาจารย์ร่วมกันช่วยขุดคุ้ยหาความจริงให้กับหัวข้อของตัวเอง แต่แล้ง มันก็กลับเป็นว่า....มาเริ่มต้นกันใหม่ หาความชัดเจนในตัวเองซะ!! ไม่เป็นไร ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำจริงๆดีกว่า เพราะการทำเพื่อคนอื่น กลัวคนอื่นลำบาก กลับยิ่งทำให้คนอื่นๆ ลำบากยิ่งขึ้นไปอีก เออ ไม่น่าเชื่อการคุ้ยเขี่ยตะเข็บของหัวใจที่อาจารย์ท่านกรุณานี้ได้ผลเห็นความติดดีที่มีเอามากของตัวเอง กลับมาต่อ การมาโรงเรียนสัตยาไส ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ขึ้นรถที่ห้าง Century ตรงอนุเสาวรีย์ชัยฯ 140 บาท ถึงเลย หน้าโรงเรียน สะดวกสบายเอามากๆ คนบนรถก็ไม่แน่นนัก นั่งมาหลวมๆ ดูเราเป็นคนแปลกแยกกว่าคนอื่นอยู่พอตัว ทั้งการแต่งกายก การวางตัว... เออแปลกดี เห็นอยู่นะ แต่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ดีที่สุดคงเป็นการหลับ และ มีลมหายใจเหมือนกัน แวะปั๊มน้ำมัน หนึ่งครั้ง แถวๆหินกอง เราได้ยืดเส้นยืดสายสบายๆ เข้าห้องน้ำ ซื้อขนมของฝากให้ใครๆ

นั่งรถอีกสัก ชั่วโมงกว่าก็ถึงโรงเรียน เราต้องเดินเข้ามาในโรงเรียนซึ่งระยะทางพอควรกับสัมภาระที่มี เพราะว่า น้ายามไม่ยอมให้เราเข้า ถามว่าเรามาทำอะไร? เราก็ตอบว่ามาหาอาจารย์ ตอนแรกว่าจะแลกบัตร เห็นความวิ๊บขึ้นในใจเล็ก ว่าต้องแบกของเดินเข้าไปตั้งไกล แล้วก็เรามาตั้งหลายครั้งแล้วยังต้อนรับแบบนี้อีกเหรอ? เพียงแค่เห็น มันก็กลับยิ้ม...(ยังฝืนยิ้มอยู่ เพราะว่าของหนัก) เดินเข้ามาในโรงเรียน พบความสดชื่น สมหวังในหัวใจที่ได้กลับมา แม้เพียงมาเหยียบก็สุขใจ แล้ว แปลกว่าไม่ได้เป็นศิษย์เก่าที่นี่แต่มาถึงก็มีความสุขเหมือนกัน เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็พบกับเด็กน้อยสองคน อ่าว... มาครั้งที่แล้วก็เห็นเด็กน้อยสองคนนี่ก่อน มาครั้งนี่ก็เหมือนกัน พบว่าตัวโตขึ้นกันทั้งสองคน ตอนนี้อยู่ป. ๒ กันแล้ว ยังเหมือนเดิม สายตาประหลาดใจพร้อมคำถามว่า “มาอีกแล้วเหรอ คราวนี้มาอยู่นานมั๊ย อยู่นานๆนะ” หัวใจพองน้อยๆ แม่จะเริ่มหอบเพราะเหนื่อยจากการเดินแบกของ เข้าไปพบอาจารย์ และ Teacher Loraine อาจารย์ชาวต่างประเทศที่อยู่ ที่โรงเรียนมาตั้งแต่เริ่มตั้งใหม่ๆ อยู่จนพูดไทยได้คล่องแล้วมีโรงเรียนเป็นเหมือนบ้านเลยทีเดียว

เข้าไปพบอาจารย์ที่บ้าน อาจารย์ส่งรอยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นเคย แต่รู้สึกว่าอบอุ่นกว่าทุกๆครั้ง เป็นสายตาแห่งความโอ่นโยนอย่างยิ่งที่ได้รับ มองลึกลงไปไม่สุด ไม่เห็นอะไร นอกจากความเมตตาในสายตาคู่นั้นอย่างยิ่ง “โอ้ว!มาแล้วเหรอ” แล้วก็คุยกับอาจารย์เรื่องThesis ว่ะอย่างไรดี อาจารย์ก็แนะนำให้เป็นอย่างดีว่าควรจะทำอะไรอย่างไร ได้เท่าที่เป็นไปได้ อาจารย์ท่านว่าอย่างนั้น เอ้าเอาไงเอากัน%

พักใหญ่Teacher พาเราเข้ามาที่พัก สายตาคำพูดยังแสดงความห่วงใยเราในเรื่องของ Thesis อยู่ ด้วยความเห็นใจเช่นกัน สถานที่พักอยู่ปลายทาง ท้ายบริเวณของโรงเรียน ตึกโทรมๆเพราะไม่ใคร่มีใครเข้ามาพักนัก ปีหนึ่งจะมี สัก 30 คนได้ ไม่มีใครอยู่แบบยาวๆ ซึ่งถ้าอยู่ยาวๆก็มักจะอยู่ในบริเวณใกล้หอพักนักเรียนหน่อย โอ้วมีวัว มีไก่ด้วย ดูแล้ว น่าสนุกดี มีความรู้สึกแว๊บเข้ามาในหัวใจเป็นการตีความนิดๆว่า ไม่น่าไหวหนา... มีเพื่อนนักศึกษามาแล้ว 3 คนเป็นชาว Mexico สองคน อีกคนเป็นชาวIndonesia คนหลังนี้เป็น Roommate ด้วยสิ โว้ว! มาแล้วครับ ต้องขุดวิชาภาษาอังกฤษมาใช้เสียแล้วครับ สองสาวMexican ก็เป็นสาวสวยคนคายตามแบบ สาวอเมริกันใต้ คนหนึ่งดูไม่น่าห่างกับเรามากนัก อีกคนก็น่าจะราวสามสิบแก่ๆ ส่วน คุรรูมเมทของเราก็น่าจะประมาณ สามสิบต้นๆ เช่นกัน อืม คุณรูมเมท นี่น่ารัก ดูจิตใจดีมากๆ วอบถามได้ความว่าเป็นคุณครูอยู่ที่ บาหลี (เอ้าเพื่อนๆจิตตปัญญาเตรียมเฮ) เป็นชาวฮินดู สอนศาสนาในโรงเรียนเช่นกัน วันนี้เราคุยกันเรื่อง ภาวนา กันพอตัว บอกให้เขาช่วยสอนเราด้วย ติดก็แต่ว่า ภาษาอังกฤษขอทั้งคู่...555 แต่ก็ดีที่ได้อยู่กับ คุณคนนี้ เพราะว่าทำให้เราได้กล้าที่จะพูดมากขึ้น เพราะไม่ต้องกลัวผิด เพราะพี่แกก็ผิดพอๆกัน เออมาทบทวนตอนนี้ก็เห็นว่า มีอาการเหนือกว่าเล็กที่ผุดขึ้นทำให้เรากล้าพูดกับคนนี้ อ่อ ลืมบอกชื่อไป คุณคนนี้ชื่อ Gusti Ngurah เขาให้เรียกว่า Yoga ก็ได้ ส่วนผู้หญิงMexican ชื่อ Maribel Judith และ Blanca Elena คนแรกนี้เห็นว่าเป็น วิศวะกร ส่วนคนที่สองนี่เป็นลูกสาวร้านขายขนมปัง แล้วก็ทำงานการเงินอยู่ที่บ้านตัวเอง เออเอาสิตู.... คงต้องมาฝึก กราเซียส โอ้ฮ่า ซะแล้ว

ตกเย็นมีการแสดงดนตรสัก เพื่อเป็นการซ้อมให้กับน้องคนหนึ่งที่จะไปลองสอบที่จุฬา ในวัน อังคาร ก็เรียกความมั่นใจให้น้องคนนี้ ลดความประหม่าปได้เบอะกับวิธีการเรียกคนมาดูเยอะ แม้ว่าจะเป็นเพื่อน พี่ๆ น้องกันเองก็ตาม น้องเค้ามีพรสวรรค์ที่ดี ปีนิดเดียว กับ Cello ก็เล่นโซ่โลของ บารค์ได้แล้ว นับว่าไม่ธรรมดา จริงมั๊ย? ที่น่าประทับใจกว่านั้นคือ มีนักเรียนเก่าที่จบไปจากโรงเรียนเมื่อปีที่แล้วกัลบมา เป็นนักดนตรีของโรงเรียน และเป็นนักเรียนดนตรีที่ ศิลปากร และก็ที่รังสิต เข้ามาจอย กับน้อง อาจารย์ผู้คุมวงก็เล่นด้วย “โอ้ว ฝรั่งเรียกเป็นเอ็นจอยมากๆ” เคลิ้มไปได้เลย ดีมาก ผิดบ้างเพี้ยนบาง แต่ก็มีความสุขนี่น่า ดนตรีเราเล่นเพื่ออะไร มีความสุข หรือใช้เป็นเครื่องมือของการจับผิดกัน? อาจารย์อาจอง ก็เล่น เปียโนได้อย่างพริ้ว อาจารย์เคยถวายงานดนตรีกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยเมื่อครั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ชื่อเพลงอะไรไม่รู้ แต่รู้ว่าเก่า แล้วก็มีเนื้อร้องคับคล้ายว่า “แสงดาวสวยพราวดูเด่น เล็งเห็นเหมือนตาของเธอ เฝ้าเพ้อหัวใจละเมอรำพัน...”ฝังแล้วใจจะละลาย ยิ่งอาจารย์บอกว่าเป็นเพลงที่เคยเล่นถวายด้วยแล้ว ขนแขนก็สแตนอัพในทันใด

เมื่อคืนที่ผ่านมานั่งทำงานอยู่ที่ที่พัก ที่พักนี้เป็นหลายอย่างเป็นเหมือนบ้าน Academy ทำนองนั้นเลย เพราะว่า เป็นที่เรียน และเป็นที่พักในตัว มีห้องครัว เครื่องออกกำลังกายไว้บริการ (มีเครื่องเดียว แอ๊บโดมิไนเซ่อร์) เมื่อคืนขระนั่งทำงานพบว่ามีสายตามาจ้องๆมองเราอยู่ และก็มีพลังงานอะไรเดินไปเดินมาอยู่เนืองๆ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติแต่อย่างใดนอกเหนือจากนั้น ก็เข้านอนด้วยความปกติสุข แม้ว่าตอนนอนจะเกร็งๆเล็กกับการที่มีเพื่อน รูมเมทคนใหม่ ตกดึกสักหน่อยเพื่อนๆจากต่างประเทศ อีก 4 คนก็เดินทางมาถึง เป็นใครไม่รู้เหมือนกัน แก่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เฮอะๆ เพราะพักนี้ได้เพื่อนแก่อยู่เรื่อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับฉัน

ในที่แห่งนี้เป็นที่ถ้อยแถลงในหัวใจเรา